บุญเป็นเหตุนำมาซึ่งความสุขกายสุขใจ สามารถติดตามไปได้ทุกสถานที่ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เป็นของเฉพาะตนใครจะแย่งชิงเอาไปไม่ได้ ต้องทำเอาเอง เป็นที่หลั่งไหลมาแห่งโภคสมบัติทั้งหลาย เพราะผลของบุญจะบันดาลให้ได้มนุษย์สมบัติ ทิพย์สมบัติ และนิพพานสมบัติ แก่ผู้มีบุญทั้งหลาย
บุญเป็นเกราะป้องกันภัยในวัฏสงสาร ในขณะที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่นั้น บุญจะคอยช่วยคุ้มครองให้เกิดในสถานที่ดี มีความสุขความเจริญในชีวิต แม้ในการประพฤติปฏิบัติธรรมก็ไม่มีความลำบาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังแห่งบุญที่ได้บำเพ็ญมาจะมากหรือน้อยนั่นเอง
การทำความดีทุกอย่างล้วนมีผลออกมาเป็นบุญทั้งสิ้น มีแต่ผลของบุญเท่านั้นที่ต่างกันออกไป แล้วแต่ประเภทของบุญที่ได้บำเพ็ญไว้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงวิธีทำบุญไว้ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ มี 10 ประการ ได้แก่
- การบริจาคทรัพย์สิ่งของ
- การสำรวมกาย วาจา ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น
- การสวดมนต์ เจริญสมถะและวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดถึงการอ่านหนังสือธรรมะ
- การมีความเคารพอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้มีคุณธรรม หรือผู้ควรแก่การเคารพบูชา
- การขวนขวายช่วยเหลือในกิจการงานที่ชอบ
- การอุทิศส่วนบุญที่เราได้ทำแล้วให้แก่ผู้อื่น
- การอนุโมทนาในส่วนบุญที่ผู้อื่นทำ
- การฟังธรรม
- การแสดงธรรม
- การปรับปรุงความคิดเห็นของตนให้ถูกต้องด้วยปัญญา
ชีวิตนี้เป็นของน้อยนิดไม่ควรประมาท เราต้องรีบเร่งสร้างบุญกุศลตั้งแต่บัดนี้ จะได้มีบุญติดตัวไปในวันข้างหน้า โดยยึดหลักว่า ถ้าในเวลาเช้ายังไม่ได้ทำทาน ก็อย่าเพิ่งทานอาหาร วันใดยังไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล วันนั้นก็อย่าเพิ่งออกจากบ้าน คืนใดยังไม่ได้สวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา คืนนั้นก็อย่ารีบนอน
เราต้องอดทนฝึกตนให้ได้สร้างความดีเรื่อยไป แม้จะต้องมีอุปสรรคมากมายเพียงใดก็ตาม ต้องมีใจมั่นคงไม่ย่อท้อต่อสู้ ทนทำความดีเรื่อยไปจนกว่าจะถึงซึ่งพระนิพพาน
ผู้มีบุญวาสนามาก่อน ทำให้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติและปัจจัยต่างๆ พร้อมที่จะทำความดีได้โดยง่าย อำนวยประโยชน์สุขทุกอย่างให้ เป็นเหตุแห่งความสุขทุกประการ เป็นเสบียงติดตัวไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า จนกว่าจะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน อย่าดูหมิ่นบุญว่านิดหน่อยจักไม่มาถึงตน น้ำที่หยดลงมาทีละหยด ยังทำตุ่มให้เต็มได้ คนมีปัญญาดีหมั่นสั่งสมบุญทีละน้อย ย่อมเต็มเปี่ยมด้วยบุญได้โดยแท้
พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. ๙)
เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
รองเจ้าคณะภาค ๑๔